1.กำจัดปริมาณอาหาร ให้เหลือประมาณ 40% จากที่เคยรับประทาน แต่ต้องเป็นการกำจัดปริมาณที่ต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เพื่อเราจะได้น้ำหนักตัวที่ลดลงตามต้องการ และยังได้สุขภาพที่ดี เป็นการชะลอความชรา ตามหลักของ anti-aging medicine
2.อย่างดอาหารเช้าเป็นอันขาดเพราะเป็นอาหารมื้อสำคัญ และ หลัง 6 โมงเย็น ไม่ควรทานอาหารอีก
3.การออกกำลังกายแบบ interval training หรือการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา เช่น เดินเร็ว 35 นาที สลับวิ่งเหยาะๆ 12 นาที จะช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี การออกกำลังกายแบบนี้บ่อยๆ จะสร้างความเคยชินให้กับร่างกาย? และทำให้ปอดกับหัวใจสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และเส้นเลือดฝอยเหล่านี้ ก็จะเป็นทางผ่านสำหรับออกซิเจนไปสู่กล้ามเนื้อได้ดีขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อมีการพัฒนาให้มีความทนต่อกรดแลคติกได้ดียิ่งขึ้น แข็งแรงขึ้นโดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ ร่างกายของคุณก็จะไม่เสื่อมโทรมจากการออกกำลังกายหนักๆ อย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลดน้ำหนักคือ คุณต้องรู้พฤติกรรมของตัวเองก่อนว่า ในแต่ละวันคุณมีกิจกรรมซึ่งต้องใช้พลังงานประมาณเท่าใด เพื่อจะได้จัดตารางสำหรับอาหารลดน้ำหนัก และตารางออกกำลังกายของคุณได้อย่างถูกต้อง คนที่ทานอาหารเช้า มักเป็นคนที่อารมณ์ดี มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า จะรู้สึกร่างกายไม่กระฉับกระเฉง รู้สึกง่วงนอน อ่อนเพลีย เรียนหรือทำงานไม่ค่อยรู้เรื่อง โดยเฉพาะถ้ามีการอดอาหารเช้าเป็นระยะเวลาติดต่อกันหลายๆวัน จะทำให้เกิดปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ติดตามมา ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน และโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ
การไม่กินอาหารเช้า แต่กลับไปกินหนักไม่มื้ออาหารอื่น โดยเฉพาะมื้อเย็นหรือมื้อดึก เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องอ้วน เนื่องจากร่างกายไม่ได้นำพลังงานจากอาหารไปใช้เมื่อเข้านอน คนรุ่นใหม่มักจะดื่มกาแฟมื้อเช้าเพื่อรองท้อง แต่คุณหมอบางท่านเคยให้คำแนะนำว่า ควรเพิ่มแซนวิชซัก 1 คู่ หรือข้าวเหนียวหมูปิ้งก็ได้ เพราะมีส่วนประกอบของไขมัน แป้ง โปรตีน และผัก ส่วนมื้อเที่ยงอาจทานข้าวผัดผักกับปลาทอด ขณะที่มื้อเย็นควรเป็นมื้อเบา เพราะร่างกายใช้พลังงานน้อย
สรุปเป็นหลักลดน้ำหนักง่าย ๆ ว่า มื้อเช้าควรรับประทานแบบครบทุกหมู่ อาหารกลางวันทานแบบพอประมาณ ส่วนอาหารเย็นนั้นงดได้ควรงด หรือเปลี่ยนเป็นสลัดผักน้ำใส หรือผลไม้ที่มีกากใยเพิ่มมากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นแป้งกับน้ำตาลฟอกขาว ที่สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมออกกำลังกาย ให้ได้วันละประมาณ 30 -40 นาที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น